บทความน่าสนใจ

นายกขอบคุณผลโพล

ข่าวสาร / ประกาศจากรัฐบาล

ท่านสามารถ ติดตามข่าวสาร และประกาศต่างๆได้ที่นี่

นายกฯ ยัน “เกาะกูด” เป็นของไทย

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567


ยัน “เกาะกูด” เป็นของไทย กัมพูชารับรู้อยู่แล้ว เอ็มโอยู 44 ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง

วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เข้าร่วมประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อติดตามการทำงาน ปัญหา และข้อเสนอแนะต่างๆ

หลังประชุมกว่า 2 ชั่วโมงเสร็จสิ้น น.ส.แพทองธารแถลงว่า วันนี้ได้คุยกันเรื่องของเอ็มโอยู 2544 ในรายละเอียด ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย เป็นมาตั้งนานแล้วและกัมพูชารับรู้เช่นนั้นเหมือนกันตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส รัฐบาลนี้จะไม่ยอมเสียพื้นที่ของประเทศไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไปให้ใครก็ตาม

เรื่องเกาะกูดเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีปัญหากับกัมพูชาอยู่แล้ว ไม่เคยมีข้อสงสัยด้วย อาจจะมีแต่เกิดความเข้าใจผิดกันในประเทศไทยเอง ในส่วนของเอ็มโอยูปี 2544 ยังอยู่ เพราะไม่สามารถยกเลิกได้ นอกจากใช้การตกลงร่วมกันระหว่างสองประเทศคู่สัญญา หากไทยยกเลิกเองก็จะถูกฟ้องร้องได้

เมื่อถามถึงรัศมีรอบเกาะกูดซึ่งเป็นทะเลว่าจะมีการแบ่งกันลงตัวอย่างไร

นายกฯกล่าวว่า ในเอ็มโอยู 2544 นั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเกาะกูดเลย ส่วนในพื้นที่ของทะเลมีการขีดเส้นไม่เหมือนกัน แต่ในเนื้อหาของเอ็มโอยู เป็นข้อตกลงกันว่าจะมีการเจรจากันระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามจะต้องมีคณะกรรมการที่มาคุยกัน ขณะนี้คณะกรรมการของกัมพูชามีอยู่แล้ว แต่ของไทยเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้น กำลังอยู่ในช่วงจัดตั้ง เมื่อเสร็จแล้วก็จะได้มีการศึกษาและพูดคุยกัน ไม่น่านาน แต่อาจจะต้องรอนิดเพื่อให้ลงตัว

เมื่อถามกรณีที่มองว่าการยอมรับเอ็มโอยูเหมือนประเทศไทยยอมรับเส้นของประเทศกัมพูชานั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อันนั้นคือความเข้าใจผิด เราไม่ได้ยอมรับเส้นอะไร การที่คิดไม่เหมือนกัน จึงต้องแก้ไขปัญหาร่วมกันทั้งสองประเทศ จึงได้จัดทำเอ็มโอยูขึ้นมา และเปิดเพื่อการเจรจาว่าจะเป็นอย่างไร ให้คนไทยสบายใจได้เพราะเกาะกูดไม่เคยเป็นส่วนอยู่ในการเจรจานี้เลย

เมื่อถามว่าจากที่มีการพูดคุยกันว่ามีการยกเลิกเอ็มโอยูปี 2544 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นเป็นอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มี เพราะข้อเท็จจริง เอ็มโอยูไม่สามารถเลือกได้ ถ้าไม่มีข้อตกลงระหว่างสองประเทศคู่สัญญา จะต้องเป็นมติผ่านรัฐสภา ในปี 2552 ไม่ได้มีการนำเรื่องนี้เข้ารัฐสภา และในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ก็ยืนยันเช่นนั้น

เมื่อถามว่าขณะนี้มีกระแสต้องการให้ยกเลิกเอ็มโอยูจะทำอย่างไร

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ต้องถามก่อนว่ายกเลิกแล้วได้อะไร ต้องกลับมาที่เหตุและผล เพราะว่าทุกประเทศคิดไม่เหมือนกันได้ การรักษาไว้ซึ่งความสงบระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เอ็มโอยูนี้เปิดให้ทั้งสองประเทศได้คุยกัน ถ้ายกเลิกฝ่ายเดียวโดนฟ้องร้องจากกัมพูชาอย่างแน่นอน ไม่มีประโยชน์ ไม่มีการคุยอะไรข้างหลังแน่นอน

เมื่อถามว่า กลัวว่าการแถลงวันนี้จะถูกมองว่าเป็นการเดินหน้าลุยต่อโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่จริงเลย ที่มาในวันนี้ทุกคนตกลงกันอย่างง่ายดายและเข้าใจ ตามหลักการเดียวที่ว่าอันนี้เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่ออกมาแถลงเพื่อจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าเอ็มโอยู 2544 ไม่เกี่ยวข้องกับเกาะกูด ไทยยังไม่ได้เสียเปรียบใดๆ ในการตกลงอันนี้ ดังนั้นอย่าเอาเรื่องของการเมืองมาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสั่นคลอน อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจตามหลักการ

เมื่อถามว่า แปลว่าจากการคุยกันในวันนี้ เห็นด้วยที่จะเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เดินต่อแน่นอน ที่กัมพูชารอเราคือในเรื่องของคณะกรรมการที่จะต้องทำการศึกษาและเป็นตัวแทนไปพูดคุย ประกอบไปด้วยหลายกระทรวง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพลังงาน ที่จะช่วยกัน

เมื่อถามว่าจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา เพื่อพูดคุยกับทางกัมพูชาหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถสร้างคอนเนกชั่นดีๆ ได้ เช่น หากมีเพื่อนสนิทเราพูดคุยกับเพื่อนสนิทได้ แต่ในเรื่องผลประโยชน์ของประเทศเขาและเรา ต้องใช้คณะกรรมการเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง จะได้มีความรู้จริงรู้ครบและเกิดความยุติธรรมขึ้นมาด้วย

เมื่อถามว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะรักษาประโยชน์ของประเทศไทยใช่หรือไม่

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ดิฉันเป็นคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่บอกไว้ว่าประเทศไทยต้องมาก่อน คนไทยต้องมาก่อน เพราะฉะนั้นรัฐบาลยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่ และจะทำให้ประชาชนมีความสุขที่สุด

ข้อมูลข่าวจาก : www.matichon.co.th